top of page
ค้นหา

เริ่มต้นจากศูนย์: การเติบโตของ Recruiter คนหนึ่งที่ Hyperwork

  • รูปภาพนักเขียน: Yotsapat Hyperwork
    Yotsapat Hyperwork
  • 5 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

หากย้อนกลับไปวันที่ผมยังเป็นเด็กจบใหม่ที่กำลังมองหางาน ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้มาอยู่ในบทบาทที่ต้อง “จับคู่งานกับคน” แบบจริงจัง และมีผลกระทบกับชีวิตคนอื่นขนาดนี้


ตอนที่สมัครเข้ามาที่ Hyperwork ผมยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำว่างาน Recruiter แท้จริงแล้วคืออะไร รู้แค่ว่าอยากลอง อยากเรียนรู้ และอยากทำงานที่มีความหมายกับคนจริง ๆ ซึ่งสิ่งที่ผมได้เจอที่นี่ มันมากกว่านั้นเยอะมาก


Hyperwork ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผมได้เติบโตในแบบที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าทำได้ เริ่มจากศูนย์ก็จริง แต่ทุกก้าวที่เดินมีคนคอยสนับสนุนและช่วยให้ผมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

Phanuphong T. - Senior Talent Acquisition
Phanuphong T. - Senior Talent Acquisition

🔍 จากมือใหม่สู่คนที่เข้าใจตลาดแรงงานมากขึ้นทุกวัน

เริ่มต้นวันแรก ผมได้ดูแลตำแหน่งง่าย ๆ ก่อน เช่น Admin หรือ Sales พื้นฐาน ซึ่งถือเป็นสนามซ้อมที่ดีมาก เพราะทำให้ผมเรียนรู้ทั้งเรื่องการสื่อสารกับผู้สมัคร การเข้าใจ JD และการตั้งคำถามให้ตรงจุด

แต่พอผ่านไปสักพัก ผมเริ่มได้รับความไว้วางใจให้ดูแลตำแหน่งที่ซับซ้อนขึ้น เช่น Marketing Manager, Software Engineer หรือกระทั่งตำแหน่งที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษและมีความเฉพาะทางสูงขึ้นเรื่อย ๆ


“ทุกครั้งที่ได้ทำเคสใหม่ ผมจะเริ่มจากการตั้งคำถามก่อนเลยว่า ‘เรารู้จักโลกของงานนี้ดีพอหรือยัง?’ แล้วก็ค่อย ๆ ศึกษาเพิ่มเติม จนกลายเป็นคนที่สามารถพูดคุยกับผู้สมัครในแวดวงนั้นได้อย่างเข้าใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่ถามตามสคริปต์”

มันคือการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง และผมพบว่า ทักษะอย่างการฟัง การสังเกต และการอ่านระหว่างบรรทัด คือหัวใจของงานนี้เลยครับ


💼 บรรยากาศการทำงานที่เหมือนอยู่กับ “ทีมที่เข้าใจ”

สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ เกี่ยวกับ Hyperwork คือวัฒนธรรมของที่นี่ที่ไม่เน้นแข่งขันกันเอง แต่เน้นการเติบโตไปด้วยกัน


“ที่นี่ไม่มีคำว่า ‘หวงวิชา’ ทุกคนพร้อมแบ่งปันจริง ๆ ถ้าคุณไม่เข้าใจตรงไหน แค่ถาม ก็จะมีคนมานั่งอธิบายให้ทันที ไม่ว่าจะพี่ทีม Senior หรือเพื่อนร่วมทีม ทุกคนพร้อม Support กันแบบไม่หวงอะไรเลย”

และแม้งานของเราจะมี KPI หรือ Target เหมือนบริษัทอื่น ๆ แต่ทีมก็ไม่เคยใช้มันมาเป็นแรงกดดันแบบลบ กลับกัน มันคือเป้าหมายร่วมที่ทุกคนช่วยกันผลักดันให้ถึง และเฉลิมฉลองไปด้วยกันเมื่อทำได้

ผมว่ามันหายากมากนะครับ ที่จะเจอทีมที่มืออาชีพแต่ยังเป็นกันเองแบบนี้


✊️ บทเรียนจากโจทย์ยาก ที่ทำให้ผมแกร่งขึ้น

จำได้แม่นเลยครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมต้องหาคนมาดูแลตำแหน่ง R&D Manager ในสายอุตสาหกรรมเฉพาะทางมาก ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค แต่ยังต้องมีภาวะผู้นำ พูดอังกฤษได้ และเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรแบบสากล


เรียกได้ว่าครบทุกอย่างในคนคนเดียว


“ผมเริ่มจากการวิเคราะห์ JD แบบเจาะลึก พยายามเข้าใจถึงแก่นแท้ของตำแหน่งนั้นว่าแท้จริงแล้วบริษัทต้องการ ‘ใคร’ ไม่ใช่แค่ ‘คุณสมบัติอะไร’ แล้วก็ใช้วิธีการสรรหาเชิงรุก (Active Sourcing) แทบทุกวัน เพื่อหาคนที่ใกล้เคียงที่สุด”

เคสนั้นใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะสำเร็จ แต่พอได้เห็นผู้สมัครเริ่มงานจริง และส่งข้อความมาบอกว่า “ขอบคุณนะครับ งานนี้มันใช่สำหรับผมจริง ๆ” ผมรู้เลยว่าทุกความพยายามคุ้มค่า


❤️ งานที่มีความหมาย และแตะหัวใจคนได้จริง

ผมมักจะบอกคนรอบตัวเสมอว่า งานของ Recruiter คือการได้ “มีส่วนในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตใครบางคน” และนั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกมีคุณค่ามาก ๆ


“บางคนกลับมาขอบคุณ บางคนส่งรูปวันเริ่มงานมาให้ บางคนบอกว่าเขาไม่กล้ากลับไปสมัครงานไหนเลย จนมาเจอผมที่รับฟังเขาจริง ๆ แบบไม่ตัดสิน นั่นแหละครับคือ Reward ที่เงินซื้อไม่ได้จริง ๆ”

มันอาจดูเหมือนแค่การจับคู่งานกับคน แต่ในมุมลึก ๆ มันคือการเปลี่ยนชีวิตใครบางคนโดยตรงเลย


🧘 บาลานซ์ชีวิตในโลกที่เปลี่ยนเร็ว

แน่นอนว่า งานสายนี้ไม่ได้ง่ายครับ ข่าวสารเปลี่ยนทุกวัน ลูกค้าก็ต้องการความเร็ว ผู้สมัครก็มีความคาดหวังสูง แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราจัดการตัวเองให้ดี ทุกอย่างจะไปได้สวย


“ผมมีหลักง่าย ๆ เลยคือ เวลาทำงานก็ทำให้เต็มที่ แต่พอเลิกงานก็วางทุกอย่างไว้ แล้วใช้เวลากับตัวเองหรือคนที่เรารักให้เต็มที่ เพราะถ้าเราไม่เติมพลังให้ตัวเองก่อน เราก็ไม่มีแรงไปเติมพลังให้ใคร”

และอีกอย่างคือ ผมพยายามไม่เอาความคาดหวังไปผูกกับทุกดีล เพราะบางครั้ง เราทำดีที่สุดแล้ว แต่มันก็ไม่เวิร์ก ซึ่งก็ไม่เป็นไรครับ แค่เรียนรู้แล้วเดินต่อก็พอ


🌱 ฝากถึงคนที่กำลังมองหาเส้นทางของตัวเอง

สำหรับใครที่กำลังหางาน หรือกำลังสับสนกับเส้นทางของตัวเองอยู่ ผมอยากบอกว่า คุณไม่ได้เดินอยู่คนเดียว และการหางานไม่ใช่การพิสูจน์ว่า “เราเก่งพอหรือเปล่า” แต่มันคือการหาที่ที่เหมาะกับเราจริง ๆ


“อย่าดูแค่ชื่อบริษัทหรือเงินเดือนอย่างเดียว ลองดูด้วยว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรจากที่นั่น เขาให้คุณค่าอะไรกับเรา และเรารู้สึกยังไงเวลาคุยกับคนในองค์กรนั้น เพราะสุดท้ายแล้ว ความสุขในการทำงานมันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขครับ”

และสำหรับองค์กร ผมก็อยากแนะนำว่า ให้ชัดเจนกับสิ่งที่คุณต้องการ และอย่ามองข้ามเรื่อง “ความพอดีของคนกับวัฒนธรรม” เพราะคนที่ใช่จริง ๆ ไม่ได้ดูแค่จากเรซูเม่ แต่ดูจากว่าเขาเข้ากับทีมคุณได้หรือเปล่าต่างหาก


💬 จากใจของ Recruiter คนหนึ่ง

มาจนถึงวันนี้ ผมยังรู้สึกดีใจเสมอที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม Hyperwork เพราะที่นี่ไม่ได้สอนแค่เรื่องการทำงาน แต่สอนให้ผมเข้าใจคำว่า “โอกาส” และ “คุณค่า” อย่างลึกซึ้ง


“งานของเราอาจไม่ยิ่งใหญ่ในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับผม มันคือการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สะสมจนกลายเป็นอะไรที่มีความหมายมากจริง ๆ และผมจะยังคงทำมันต่อไป ด้วยใจที่เชื่อใน ‘คน’ และ ‘ความเป็นไปได้’ เสมอ”

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กำลังหางานใหม่ หรือองค์กรที่กำลังหาคนที่ใช่ ผมเชื่อว่า ถ้าคุณได้รู้จัก Hyperwork จริง ๆ คุณอาจจะเจอคำตอบที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้ครับ


 
 
 

Comentarios


bottom of page