top of page

ประสบการณ์การทำงานกับ Hyperwork เส้นทาง Recruiter ที่ไม่ใช่แค่การหาคน

  • รูปภาพนักเขียน: Panus Sakulsak HyperworkTH
    Panus Sakulsak HyperworkTH
  • 4 พ.ย.
  • ยาว 2 นาที
รูปภาพพนักงาน Recruiter ยืน พร้อมเขียนว่า ประสบกาณ์การเป็น Recruiter ที่ Hyperwrok
ประสบการณ์ทำงาน Recruitment

สวัสดีครับ ผมเซฟ ตอนนี้ทำงานในตำแหน่ง Talent Acquisition Consultant ที่ Hyperwork มาประมาณ 2 ปีแล้วครับ ผมอยากเล่าให้ฟังว่าการเป็น Recruiter มันเป็นยังไง ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน และอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่างานนี้มันท้าทาย แต่ก็คุ้มค่ามาก



วันแรกกับสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก

จริง ๆ แล้วก่อนเข้ามาทำงานที่นี่ ผมไม่เคยรู้ระบบงาน Recruiter เลย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือผมชอบเจอคน ชอบพูดคุยกับคนเยอะ ๆ อยู่แล้ว แล้วงาน Recruiter ก็ค่อนข้างต้องพูดคุยสื่อสารกับผู้คน มันค่อนข้าง challenge ดีด้วย ผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะกับตัวเอง

พอได้มาทำจริง ๆ สิ่งที่ได้เรียนรู้มันมากกว่าที่คิดเยอะ ทั้งสกิลการคุย การโน้มน้าวคน และการทำงานร่วมกับผู้อื่น มันไม่ใช่แค่การโทรหาคน แล้วถามว่าอยากสมัครงานไหม แต่มันคือการเข้าใจคน เข้าใจสถานการณ์ของเขา และเข้าใจว่างานไหนจะทำให้เขามีความสุขที่สุด



วันหนึ่งของ Recruiter เป็นยังไง

หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าแล้ว Recruiter ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ผมจะเล่าสิ่งที่ผมทำในแต่ละวันให้ฟังครับ วันทำงานของผมจะเริ่มจากการรับ requirement จากลูกค้าก่อน ต้องถามให้ละเอียดว่าเขาอยากได้ candidate ประมาณไหน มีประสบการณ์กี่ปี technical skill แบบไหน ตัวเลขเงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ หรือมีด้านไหนที่อยากเน้นเป็นพิเศษไหม การทำความเข้าใจ Job Description ให้ชัดเจนตั้งแต่แรกสำคัญมาก เพราะถ้าเข้าใจงานแล้ว requirement ที่ลูกค้าตามหาเป็นอย่างไร เราก็จะ search หา talents ได้ตรงจุดที่สุด


หลังจากนั้นก็จะทำการ search candidate จากช่องทางต่าง ๆ ผมจะเริ่มจากการเข้าไปเช็คใน candidate database ของบริษัทเราก่อนว่ามีคนที่ตรง spec ไหม แล้วก็จะไป sourcing จากภายนอกเพิ่มเติม ส่วนนี้เป็นงานที่ใช้เวลาเยอะที่สุดในแต่ละวัน เพราะผมต้องการที่จะส่ง candidate ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับบริษัทของลูกค้าให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ


พอได้ candidate มาแล้ว เราก็จะโทรไปเช็คคุณสมบัติเบื้องต้น ถามความสมัครใจว่าอยากจะไปไหม ก่อนจะนัดคุย pre-screen กับผู้สมัครเพื่อเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด ก่อนนำไป present ให้กับลูกค้า

คนที่ผมทำงานด้วยก็หลากหลาย จะเป็นฝั่งผู้สมัครเป็นหลัก แล้วก็ทีม internal ภายใน หลังจากนั้นก็เป็นลูกค้า ในการนำเสนอ candidate ทุกฝ่ายล้วนมีความสำคัญ เพราะงั้นการสื่อสารและประสานงานให้ลื่นไหลมันเลยเป็นสกิลที่ต้องใช้ตลอดเวลาเลยครับ



สิ่งที่ผมมองเวลาคัดเลือก Candidate

ตอนคัดเลือกผู้สมัคร ผมจะดูจากสองสิ่งหลัก ๆ คือความสนใจของผู้สมัคร และความเหมาะสมระหว่างงานของผู้สมัครกับงานของลูกค้า มันไม่ใช่แค่ว่าคนนี้มีสกิลตรงหรือเปล่า แต่คือเขาอยากทำงานนี้จริง ๆ ไหม environment ของบริษัทนั้นเข้ากับสไตล์การทำงานของเขาไหม

แล้วหลังจากผู้สมัครได้งานแล้ว งานของ Recruiter ยังไม่จบ เพราะเราเป็น consultant ให้กับผู้สมัครด้วย เราจะมีการ follow up candidate อยู่เสมอ หรือหาก candidate อยากได้ความช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติม เราก็พร้อมที่จะช่วย เพราะการจ้างงานไม่ได้จบแค่การเสนอ offer แต่คือการช่วยให้คนหนึ่งคนได้เจอจุดเริ่มต้นใหม่ในชีวิตการทำงาน



ความท้าทายที่ทำให้เติบโต


ถ้าถามว่างานนี้ส่วนไหนยากที่สุด ผมต้องบอกว่าเป็นการสื่อสาร เพราะเราจะเจอกับ candidate ทุกรูปแบบ ทุกสถานการณ์ ผู้สมัครเองก็มีสถานการณ์ที่เป็นข้อจำกัด เราเองก็พยายามเข้าใจ candidate ให้ได้มากที่สุด และเข้าใจความต้องการของลูกค้าด้วยเช่นกัน

ทักษะที่ต้องใช้มันเยอะจริง ๆ คือการสื่อสาร ความเข้าใจคน และการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเจอปัญหาแบบไหน เราต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์นั้นอยู่เสมอ แต่ละวันต้องประสานงานกับหลายฝ่าย ทั้งลูกค้า ทีมภายใน และผู้สมัคร สิ่งสำคัญคือความยืดหยุ่นและความอดทนในการรับมือกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์

งานนี้สอนให้เข้าใจว่าคนไม่ได้มีแรงจูงใจแบบเดียวกัน บางคนมองหาความมั่นคง บางคนมองหาความท้าทาย หรือบางคนมองหาสิ่งแวดล้อมที่เข้าใจเขา การเป็น Recruiter ทำให้ได้เรียนรู้ว่าเราต้องฟังและเข้าใจความต้องการของแต่ละคนโดยไม่ตัดสิน



เคสที่ภูมิใจที่สุด


ทุกครั้งที่ปิดคนได้ ผมรู้สึกภูมิใจมาก ๆ เพราะเราทำเต็มที่ทุกอย่างกับงาน แต่ถ้าให้เลือกหนึ่งเคส ก็จะเป็น candidate คนแรกที่ success ซึ่งเขาเป็น candidate ที่เรียกได้ว่าใจสู้สุด ๆ เขายอมบินไป กลับต่างจังหวัดเพื่อเข้ามา on process กับฝั่งลูกค้าของเรา ไม่ว่าผมจะแนะนำอะไรไป อย่างเช่น จุดที่เขาสามารถพัฒนาได้ หรือสามารถเล่าส่วนไหนเพื่อให้ present ตัวเองได้ดีขึ้น เขาก็พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อให้ได้งานที่เขาหวังไว้

หลังจากที่เขาเข้าไปทำงาน candidate คนนี้ชอบเล่าให้ฟังเสมอว่า environment ที่นั้นเป็นยังไง เขาชอบมากแค่ไหนที่ได้ทำงานที่นี่ แล้วก็รู้สึกขอบคุณฝั่งผมทุกครั้งที่ทำให้เขามาอยู่ตรงนี้ เพราะงั้นเลยรู้สึกภูมิใจมาก มันคือความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเวลาได้เห็นคนหนึ่งคนเริ่มงานใหม่จากความพยายามของเรา



ทำงานร่วมกันที่ Hyperwork


ที่นี่เราทำงานแบบ individual ทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด แต่ถ้าอยากได้ความช่วยเหลือ พี่ ๆ ในทีมคนอื่นก็พร้อมช่วย ถ้ามีเคสยาก เราก็จะมาช่วยกันหาทางออก ช่วยกันเสนอไอเดียหลาย ๆ อย่างเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ผมรู้สึกว่า Hyperwork แตกต่างจากที่อื่นคือเราให้อิสระในการทำงาน ถ้ามีส่วนไหนที่คิดว่าดี ส่วนไหนที่สามารถพัฒนางานของตัวเองหรือบริษัทให้ดีขึ้นได้ ก็สามารถเสนอได้เต็มที่ มันทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้แค่มาทำงาน แต่เรามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและจัดการสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย


รูปภาพทีมงาน Hyperwrok ทุกคน
ทีม Hyperwork


Recruiter ที่เก่งควรเป็นยังไง

ผมมองว่า Recruiter ที่เก่งไม่ใช่แค่คนที่หาคนได้เร็ว แต่ต้องเข้าใจคนและธุรกิจไปพร้อมกัน ต้องมีทั้งทักษะการสื่อสาร การวิเคราะห์ ความเข้าใจในองค์กร และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับทั้งผู้สมัครและผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ การฟังอย่างตั้งใจและการตั้งคำถามที่ดีช่วยให้เข้าใจแรงจูงใจของผู้สมัครและความต้องการของบริษัทได้ลึกขึ้น แต่ถ้าต้องเลือกหนึ่งทักษะ ผมจะเลือก empathy หรือความเข้าใจและใส่ใจผู้อื่น เพราะงาน Recruiter เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับคนในทุกขั้นตอน การเข้าใจความรู้สึกและแรงจูงใจของผู้สมัครจะช่วยให้เราสื่อสารได้ตรงจุด สร้างความไว้วางใจ และทำให้การจับคู่ระหว่างคนกับงานเป็นไปอย่างเหมาะสมที่สุด



ไม่ต้องเรียน HR มาก็ทำได้

คำถามที่หลาย ๆ คนถาม คืองานนี้ต้องเรียน HR มาถึงจะทำได้ไหม คำตอบคือไม่จำเป็นต้องเรียน HR มาก่อน ถ้ามี growth mindset และทักษะการสื่อสารที่ดี ก็สามารถพัฒนาได้ เพราะสิ่งสำคัญของ Recruiter คือความเข้าใจคน ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ธุรกิจ และความตั้งใจในการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง หลายคนเริ่มจากสายอื่นแต่ก็ประสบความสำเร็จในงานนี้ เพราะมี passion ในการเชื่อมโยงคนกับโอกาสงาน นอกจาก empathy แล้ว สิ่งที่ผมได้เรียนรู้เพิ่มเติมคือเรื่องการจัดการเวลาและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะในแต่ละวันสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงตลอด บางทีแผนที่วางไว้ก็ต้องปรับ บางครั้งก็ต้องหาทางออกใหม่ทันที มันสอนให้เราอยู่กับความไม่แน่นอนได้ดีขึ้น



ฝากถึงคนที่กำลังอยากเป็น Recruiter


สำหรับคนที่สนใจอยากเป็น Recruiter แต่ยังไม่แน่ใจ ผมอยากบอกว่าถ้าชอบพูดคุยกับคน ชอบเรียนรู้ธุรกิจ และมีความสุขกับการช่วยให้คนได้เจองานที่ใช่กับเขา งานนี้เหมาะมาก ผลลัพธ์ของการได้เห็นคนหนึ่งคนเริ่มงานใหม่จากความพยายามของเรา คือความภูมิใจที่คุ้มค่ามาก อาชีพนี้มันไม่ใช่แค่การหาคนมาเติมตำแหน่งที่ว่างของลูกค้า แต่มันคือการเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครที่ได้งาน หรือองค์กรที่ได้คนที่เหมาะสมที่สุด มันคือการทำงานที่อยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ ความเข้าใจ และความเชื่อว่าทุกคนมีที่ของตัวเองเสมอ ถ้าจะสรุปอาชีพนี้ในประโยคเดียว ผมจะพูดว่า "Recruiter คือคนที่เชื่อมโยงคนกับโอกาสที่ใช่ ด้วยหัวใจของความเข้าใจและความเป็นมนุษย์"

ถ้าคุณกำลังมองหาอาชีพที่ได้ทำงานกับคน ได้เรียนรู้ธุรกิจหลากหลาย และได้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความพยายามของตัวเอง ลองพิจารณาเส้นทาง Recruiter ดู มันอาจจะเป็นงานที่คุณกำลังตามหาก็ได้



สำหรับใครที่มองหางานทั้ง IT และ Non-IT ติดต่อเราได้ที่


ความคิดเห็น


bottom of page