10 ประเภทพนักงานในองค์กร | ที่ผู้นำทีมและเพื่อนร่วมงานควรรู้

Panus Sakulsak HyperworkTH
22 ต.ค.
ยาว 2 นาที

พนักงานกลุ่มหนึ่งหัวเราะและสนุกสนานระหว่างประชุมในออฟฟิศ พร้อมข้อความบนภาพว่า ‘10 ประเภทพนักงานในองค์กร’ — 10 ประเภทพนักงานในองค์กร

พนักงานแต่ละคนไม่เหมือนกัน ออฟฟิศเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองที่คุณใช้เวลามากกว่าบ้านจริง ๆ ซะอีก พนักงานและเพื่อนร่วมงานกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิต

แต่ในองค์กรก็มีพนักงานหลายประเภท ไม่ได้หมายความว่าประเภทไหนดีหรือแย่ แต่ความหลากหลายนี้คือสิ่งที่ควรทำความเข้าใจ บางคนเติบโตได้ดีในออฟฟิศ ชอบประชุมพบหน้าและทำงานร่วมกัน บางคนชอบทำงานแบบ Work from home ชอบอิสระในการทำงาน

ผู้นำที่ดีต้องรับรู้และเห็นคุณค่าคุณความแตกต่างของพนักงานแต่ละคน บทความนี้พาคุณสำรวจพนักงาน 10 ประเภท พร้อมวิธีนำทีมให้ประสบความสำเร็จ เป้าหมายคือสร้างแรงจูงใจให้แต่ละคนบรรลุเป้าหมายส่วนตัว และมีส่วนร่วมกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพ

1. คนทำงานเก่ง (The High Performer)

พนักงานประเภทนี้พยายามทำทุกอย่างให้ยอดเยี่ยม มักเป็นเด็กเรียนเก่งตั้งแต่วัยเรียน ได้รับคำชมเมื่อยังเด็ก ในที่ทำงานพวกเขาก็หาการยอมรับแบบเดียวกัน มีแรงผลักดันรับผิดชอบหลายอย่างเพื่อได้รับคำชมจากความพยายาม

พวกเขามีแรงจูงใจสูง มุ่งมั่น และมักเป็นแบบอย่างให้เพื่อนร่วมงาน นำเป้าหมายองค์กรมาเป็นของตัวเอง มีความทุ่มเทและแนวโน้มทำงานหนักทำให้พวกเขาเสี่ยงหมดไฟ ผู้นำต้องสังเกตและสร้างสมดุลระหว่างการสนับสนุนและการยอมรับที่เหมาะสม

กลยุทธ์นำทีม

มอบรางวัลและยอมรับผลงาน เช่น โบนัสตามผลงาน ยกย่องต่อหน้าทีม หรือให้โอกาสนำ Project เพื่อตอบสนองแรงจูงใจภายในของพวกเขา
มอบ Project ที่ท้าทาย ที่สอดคล้องกับทักษะและเป้าหมายอาชีพ เพื่อรักษาแรงบันดาลใจและป้องกันความเบื่อหน่าย
สร้างสมดุลชีวิตการงาน ด้วยความยืดหยุ่นและกระตุ้นให้พักผ่อน อย่ากระตุ้นให้ทำงานล่วงเวลา เพื่อลดความเสี่ยงหมดไฟ

2. นักสร้างสรรค์ (The Innovator)

นักสร้างสรรค์คือพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง นำไอเดียใหม่มาใช้ในงานและทีมอยู่ตลอด พวกเขามักแนะนำวิธีคิดใหม่ หรือเปลี่ยนวัฒนธรรมทีมใหม่ มีพลังงานบวก และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน

พนักงานประเภทนี้ชอบเสนอ Project ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม และชอบมีส่วนร่วมในการ Brainstorming สุด ๆ ความสม่ำเสมออาจเป็นเรื่องยากสำหรับเขา เพราะความคิดสร้างสรรค์ที่มีอย่างไม่หยุดทำให้อาจะทิ้งไอเดียหนึ่งเพื่อทำตามไอเดียใหม่ ถึงความคิดด้านนวัตกรของเขาอาจท้าทายต่อพนักงานที่ชอบวิธีการแบบดั่งเดิม แต่ถ้านำเสนอถูกวิธี พวกเขามีศักยภาพมากและสามารถเป็นกำลังใจให้กับทีมได้ดีทีเดียว

กลยุทธ์นำทีม

อบรมด้านความคิดสร้างสรรค์ เน้นนวัตกรรมและเทคนิค Design Thinking เพื่อเพิ่มทักษะและใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างมีทิศทาง
อบรมให้เข้าใจเป้าหมายบริษัท และโครงสร้างองค์กร เพื่อปรับไอเดียให้สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจและเพิ่มโอกาสนำไปใช้
ให้โอกาสและรางวัล เช่น โอกาสพัฒนาตัวเอง งบทดลองไอเดียใหม่ ๆ หรือ Stock Options เพื่อรักษาแรงจูงใจและความผูกพัน

3. คนทำงานเป็นทีม (The Team Player)

คนทำงานเป็นทีมจำเป็นสำหรับสร้างความสามัคคีในที่ทำงาน พวกเขาไม่ต้องการการยอมรับหรือการเป็นผู้นำ แต่พร้อมสนับสนุนเพื่อนร่วมงานและความสำเร็จของทีมเสมอ ให้ค่ากับบรรยากาศการทำงานที่สบายใจและให้ความร่วมมือกัน

พวกเขาชอบในการจัดหรือเข้าร่วมกิจกรรม Team Building ชอบเข้าสังคม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน

กลยุทธ์นำทีม

ให้เข้าร่วมกิจกรรม Team Building และการอบรมทักษะการสื่อสาร การแก้ปัญหาความขัดแย้ง และความร่วมมือ เพื่อเสริมจุดแข็งของพวกเขา
กระตุ้นให้นำการ Present และ Brainstorming หรือประชุมแบบไม่เป็นทางการ เพื่อคุยถึงเป้าหมายบริษัทและสร้างพื้นที่แบ่งปันความคิดเห็น
ยอมรับความพยายาม ด้วยรางวัลที่เน้นส่วนร่วมต่อทีม เช่น โบนัสแบบทีม หรือรางวัลแบบรวมทั้งทีม

4. คนชอบทำงานอิสระ (The Independent Worker)

คนทำงานอิสระทำงานเหมือนเป็นเจ้านายตัวเอง พึ่งตัวเองสูง จัดการงาน ตั้งเป้าหมาย และจัดระเบียบวันของตัวเองโดยไม่ต้องการการดูแลมาก พนักงานเหล่านี้มักเป็นคนที่ตอนเด็กทำการบ้านโดยไม่ต้องให้พ่อแม่คอยดู และเรียนรู้จัดการงานบ้านตั้งแต่เด็ก

ทักษะนี้ติดตัวมาถึงชีวิตการงาน พวกเขาเติบโตได้ดีด้วยความเป็นอิสระ ต้องการคำแนะนำเพียงเล็กน้อย เรียนรู้ความคาดหวังของคุณเร็ว ทำให้ทำงานด้วยง่ายสำหรับทั้งคุณและพวกเขา

กลยุทธ์นำทีม

มอบความยืดหยุ่นที่ต้องการ ตราบใดที่ทันตามกำหนดและผลงานตรงความคาดหวัง ให้ทำงานจากที่ต้องการ และถ้าเป็นไปได้ มอบเวลาทำงานแบบยืดหยุ่น
ตั้งเป้าหมายชัดเจน และเช็กความคืบหน้าตามช่วงเวลา แทนการบริหารจัดการแบบละเอียด เพื่อให้พวกเขามีอิสระและรับผิดชอบผลลัพธ์
กระตุ้นให้เข้าร่วมกิจกรรม Team Building เพื่อให้เชื่อมต่อกับทีม เพราะคนทำงานอิสระอาจห่างจากกลุ่มโดยไม่ตั้งใจ

5. ผู้เรียนรู้ (The Learner)

ผู้เรียนรู้คือพนักงานที่กระตือรือร้นพัฒนาทักษะและหาความรู้ใหม่เสมอ ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ มีแรงจูงใจสูง แสวงหาการอบรม สัมมนา หรือคอร์สพัฒนาตัวเอง ความมุ่งมั่นที่จะเติบโตทำให้พวกเขามีค่าต่อทีม เพราะนำความเข้าใจและความเชี่ยวชาญใหม่มาสู่งานตลอด

กลยุทธ์นำทีม:

หาโปรแกรมพัฒนา สัมมนา หรือการอบรมที่เหมาะกับความสนใจและเส้นทางอาชีพ เพื่อรักษาแรงจูงใจและเพิ่มทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร
ให้ Feedback สม่ำเสมอ เน้นความก้าวหน้าและคุยเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นการพัฒนา การยอมรับความสำเร็จรักษาความต้องการเติบโตต่อเนื่อง
ให้สวัสดิการพัฒนาตัวเอง เหมือนการลงทุนสำหรับงาน เพราะทักษะใหม่จะใช้ในการทำงาน เป็นประโยชน์ทั้งบุคคลและองค์กร

6. นักตั้งคำถาม (The Skeptic)

พนักงานบางคนมองเป้าหมาย โอกาส หรือวิสัยทัศน์บริษัทแบบสงสัย ตอนแรกคุณอาจคิดว่าพนักงานประเภทนี้ทำงานท้าทายกว่า หรือทำให้คนอื่นหมดกำลังใจ ถึงแม้จะเป็นจริงบางส่วน แต่มีด้านดีของความสงสัย พวกเขามักสังเกตปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและเสนอวิธีแก้ที่คนอื่นมองข้าม ทำให้มีค่าสำหรับช่วยบริษัทหลีกเลี่ยงอุปสรรค

กลยุทธ์นำทีม

ตอบคำถามความกังวล สร้างสภาพแวดล้อมที่พวกเขารู้สึกสบายแบ่งปันความคิดอย่างเปิดเผย เพื่อเปลี่ยนความสงสัยเป็น Feedback ที่สร้างสรรค์
แนะนำการอบรม การแก้ปัญหา เพื่อเสริมทักษะวิเคราะห์และเปลี่ยนความสงสัยเป็นข้อเสนอ
ทำให้ชัดเจนว่าความคิดเห็นมีค่า ด้วยการให้เข้าร่วมการอภิปรายสำคัญ แสดงว่าความเห็นมีบทบาทในการพัฒนาบริษัท

7. ผู้เชี่ยวชาญ (The Specialist)

ในทุกออฟฟิศ มักมีคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ความเชี่ยวชาญที่สร้างมาหลายปีทำให้พวกเขาเป็นคนที่ต้องปรึกษาสำหรับงานและการตัดสินใจสำคัญ พนักงานเหล่านี้ทุ่มเทกับงานอย่างสูงและจริงจัง ผู้เชี่ยวชาญยังเป็นพี่เลี้ยงสำหรับพนักงานใหม่ หรือใครที่ต้องการพัฒนาทักษะและเพิ่มความรู้เชิงลึก พวกเค้ามีความสามารถในการแก้ไขปัญหาสูง

กลยุทธ์นำทีม

มอบโอกาสแบ่งปันความรู้ กระตุ้นให้นำการอบรมหรือ Workshop เพื่อถ่ายทอดความเชี่ยวชาญและสร้างความรู้ในองค์กร
ให้การยอมรับในส่วนรวม เช่น ใบประกาศ เชิญไปงานประชุมเฉพาะทาง หรือโอกาสพัฒนาตัวเอง เพื่อให้รู้สึกมีค่าและชื่นชมทักษะพิเศษ
ปกป้องเวลาทำงานหลัก อย่าให้งานที่ปรึกษากินเวลามากเกินไป จนส่งผลต่อผลงานหลักของพวกเขา

8. นักแก้ปัญหา (The Problem Solver)

นักแก้ปัญหาในทีมเหมือนผู้ช่วยชีวิต ทุกบริษัทเผชิญความท้าทายและปัญหา พนักงานเหล่านี้จะก้าวขึ้นแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่นยังตื่นตระหนกหรือเครียด นักแก้ปัญหายังคงสงบและหาวิธีแก้เร็ว แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พวกเขาคิดได้ชัดเจนและแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย ทำให้ขาดไม่ได้สำหรับทีม

กลยุทธ์นำทีม

ให้เครื่องมือและทรัพยากรที่เหมาะสม เพื่อจัดการความท้าทาย หลีกเลี่ยงการบริหารจัดการแบบละเอียด การให้พื้นที่ทำงานอิสระนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ให้รางวัล มอบรางวัล เช่น วันหยุดพิเศษ โบนัส หรือการชื่นชมรูปแบบอื่น เพื่อสร้างแรงจูงใจทำงานในระดับสูงต่อไป
สร้างฐานข้อมูลวิธีแก้ปัญหา ให้พวกเขาบันทึกกระบวนการแก้ปัญหา เพื่อถ่ายทอดความรู้และเพิ่มขีดความสามารถทีม

9. พี่เลี้ยง (The Mentor)

เมื่อจ้างพนักงานใหม่ มักถูกจับคู่กับพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงมักเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่พวกเขาโดดเด่นด้วยความสามารถแบ่งปันความรู้และสื่อสาร โดยเฉพาะเมื่อพี่เลี้ยงเป็นคนชอบสังคม เพราะช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการสอนงาน

พี่เลี้ยงไม่เพียงมีทักษะในงาน แต่ยังเป็นคนทำงานเป็นทีมที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ ทำให้เหมาะสำหรับชี้แนะคนใหม่และแบ่งปันความเชี่ยวชาญ

กลยุทธ์นำทีม

กระตุ้นให้เข้าร่วมการอบรมภาวะผู้นำ ที่องค์กรจัดให้ เพื่อเพิ่มทักษะสอนงาน การให้ Feedback และการพัฒนาคน
แสดงความชื่นชมความพยายาม ด้วยการยอมรับ ไม่ว่าผ่านคำชมหรือรางวัลอย่างเป็นทางการ เน้นชื่นชมส่วนร่วมต่อการพัฒนาคนอื่น
มอบโอกาสเติบโต และให้รางวัลความพยายามในการสนับสนุนความสำเร็จของทีม เช่น โอกาสนำโปรเจกต์หรือเลื่อนตำแหน่ง

10. คนทำงานเชื่อถือได้ (The Reliable Performer)

พนักงานประเภทนี้เป็นคนสร้างรากฐาน เป็นกระดูกสันหลังของทุกทีม ตอนแรกคุณอาจไม่สังเกต เพราะพวกเขาไม่แสวงหาความสนใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเห็นพวกเขาทำงานอย่างมุ่งมั่น มักจัดการงานส่วนสำคัญได้ดี

กลยุทธ์นำทีม

ยอมรับและชื่นชมความพยายาม ถึงแม้พวกเขาไม่แสวงหาการยอมรับ แต่ในฐานะผู้นำ ต้องยอมรับส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นรางวัลในรูปแบบท่าทางส่วนตัว จดหมายชื่นชม วันหยุดพิเศษ หรือการยอมรับรูปแบบอื่น
ระวังอย่าให้งานเกินไป พวกเขาจะทำสำเร็จโดยไม่บ่น แต่อาจนำไปสู่การหมดไฟ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ทำงานล่วงเวลาฟรี และรักษาสมดุลที่ดี
มองเห็นคุณค่ของเขา ด้วยการสื่อสารว่างานของพวกเขาสำคัญต่อความสำเร็จของทีมอย่างไร

เพราะการจัดการคนคือเรื่องใหญ่สำหรับผู้จัดการ

ในโลกการทำงานที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ไม่มี สูตรสำเร็จเดียวสำหรับการบริหารคน เพราะแต่ละคนมีแรงขับเคลื่อน ความถนัด และสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันออกไป การเข้าใจ “ความเป็นมนุษย์” ของพนักงานแต่ละประเภท ไม่เพียงช่วยให้ผู้นำบริหารทีมได้มีประสิทธิภาพขึ้น แต่ยังสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและแรงบันดาลใจ

เมื่อผู้นำสามารถมองเห็นศักยภาพเฉพาะของแต่ละคน และมอบพื้นที่ให้พวกเขาได้เติบโตตามจังหวะของตัวเอง ทีมจะไม่เพียง “ทำงานร่วมกันได้ดี” แต่จะ “เติบโตไปด้วยกัน” อย่างแท้จริง

ในท้ายที่สุด องค์กรที่ดีไม่ใช่แค่ที่ที่คนทำงานเก่งรวมตัวกัน แต่คือที่ที่ ทุกคนรู้สึกมีคุณค่า และมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จร่วมกัน

กำลังหาคนที่เหมาะกับทีมของคุณ? เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการจัดหาบุคลากร ฟรี!

ติดต่อเรา

Hyperwork คือใคร?

FAQ

ปัจจัยหลักในการทำงานร่วมกัน? ปัจจัยหลักคือการเข้าใจและเห็นคุณค่าความแตกต่างของพนักงานแต่ละคน ผู้นำต้องรับรู้ว่าแต่ละคนมีแรงขับเคลื่อน ความถนัด และสไตล์การทำงานที่ไม่เหมือนกัน การมอบพื้นที่ให้พวกเขาเติบโตตามจังหวะของตัวเอง และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและแรงบันดาลใจ จะทำให้ทีมทำงานร่วมกันได้ดีและเติบโตไปด้วยกันอย่างแท้จริง

พนักงานแบบไหนควรโปรโมต?

ควรโปรโมตพนักงานที่มีผลงานโดดเด่นและมีศักยภาพพัฒนาคนอื่น เช่น คนทำงานเก่ง (High Performer) ที่มีแรงจูงใจสูงและเป็นแบบอย่าง พี่เลี้ยง (Mentor) ที่มีทักษะการสอนงานและชอบช่วยเหลือคนอื่น หรือนักแก้ปัญหา (Problem Solver) ที่สามารถจัดการความท้าทายได้ดี ทั้งนี้ต้องพิจารณาทักษะภาวะผู้นำและความพร้อมในการรับผิดชอบที่สูงขึ้นด้วย

พนักงานที่ดีเป็นแบบไหน?

พนักงานที่ดีไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว แต่ละประเภทมีคุณค่าในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานเก่งที่มุ่งมั่น คนทำงานเชื่อถือได้ที่สร้างรากฐานให้ทีม นักสร้างสรรค์ที่นำไอเดียใหม่ หรือคนทำงานเป็นทีมที่สร้างความสามัคคี องค์กรที่ดีคือที่ที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จร่วมกัน